วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ไปชมไร่องุ่น Silverlake ที่พัทยากันค่ะ


  

  

              ไร่องุ่นใกล้เมืองพัทยา นามซิลเวอร์เลค(Silverlake) ห้เป็นอาณาจักรทั้งผลิตและจำหน่ายองุ่นสด ผลิตภัณฑ์ แปรรูปจากองุ่น และล่าสุดเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ประจำเมืองพัทยา ซึ่งเจ้าของไร่องุ่นแห่งนี้เป็นของอดีต นางเอกชื่อดัง คุณสุพรรษา เนื่องภิรมย์ สุพรรษา เล่าแรงบันดาลใจเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว มีโอกาส เข้าชม ไร่องุ่นต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า หลาย แห่งมีสภาพแวดล้อมค่อนข้างแห้งแล้ง
เป็นป่าเขาโล้น แต่ก็สามารถ ทำไร่องุ่นได้ จึงเกิดความสนใจ อยากนำที่ดินใน ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ซึ่งเธอและสามี ซื้อเก็บไวมาพัฒนาเป็นไร่องุ่นดูบ้าง  จากนั้นได้เชิญเจ้าของไร่องุ่น ชาวอเมริกัน
ท่านหนึ่ง มาช่วยพิจารณา ดูสภาพ แวดล้อมที่ดินดังกล่าวว่า สามารถพัฒนาเป็นไร่องุ่นได้หรือไม่ ซึ่งได้รับการยืนยันว่า เหมาะจะ ทำไร่องุ่นอย่างยิ่ง ด้วยจากข้อได้เปรียบพื้นที่ไร่่ติด กับพระพุทธแกะสลัก เขาชีจรรย์และอยู่ใกล้ตัวเมืองพัทยาแค่ 20 กิโลเมตร สุพรรษา จึงปรับปรุงภูมิทัศน์ไร่องุ่น ซิลเวอร์เลค ให้สวยงาม รองรับเป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของเมืองพัทยา โดยไม่คิดค่าเข้าชม
                กิจกรรมภายในไร่ จะเน้นให้นักท่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศการทำไร่องุ่นตามธรรมชาติจริงๆสามารถร่วมกิจกรรม ที่น่า สนใจกับรถ ATV ที่ให้คุณได้สัมผัสบรรยากาศกับการขี่เข้าชมไร และกิจกรรมอื่นๆ ที่เราจะรังสรรค์ขึ้นให้คุณ ในอนาคตพร้อมบันทึกความทรงจำของความงามครั้งนี้ได้อย่างมิรู้ลืม ณ ไร่
องุ่นซิลเวอร์เลค “Silverlake, Pattaya Grape Escape  ในปัจจุบัน ทางไร่ได้เพิ่มกิจกรรมต่างๆมากขึ้นเพื่อให้ผู้เข้าเยี่ยมชมไร่ได้สัมผัสกับ บรรยากาศอันสวยงาม ของทางไร่ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถม้าชมไร่ หรือขี่จักรยานเสือภูเขาลัดเลาะ ไปตามแนวปลูก องุ่นของไร่ หรือนั่งช้างชมบรรยากาศอันงดงาม นอกจากนั้นท่านยังสามารถสัมผัสบรรยากาศ พระอาทิตย์ตกกลางทะเลสาบโดยขี่ จักรยานน้ำซึ่งจะเป็นภาพที่ท่านมิอาจลืมได้ในอนาคตอันใกล้นี้
                นอกจากความงามของไร่องุ่นที่ผนวกกับความงดงามของธรรมชาติอย่างลงตัวแล้ว คุณยังสามารถเลือกซื้อองุ่นสด พันธุ์ดีจากไร่ พร้อมทั้งผลิตภัณฑ์แปรรูปจากองุ่นมากมาย อาทิ น้ำองุ่น 100 %, แยมองุ่น, ลูกเกด ฯลฯ ณ โซน พลาซ่าสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ ถ้าใครอยากไปเที่ยวไร่องุ่น ซื้อผลิตภัณท์จากองุ่น หรือหา สถานที่พักผ่อน กผ่อนหย่อนใจวิวสวยริมอ่างเก็บน้ำ ที่ไร่องุ่น Silver Lake Vineyard ก็เป็นอีก
สถานที่ท่องเที่ยวที่หนึ่งที่น่าสนใจ อยู่ใกล้กรุงเทพ และเหมาะกับทุกเพศทุกวัยด้วยค่ะ 



จุดชมวิวสวยๆ น่าไปในช่วงนี้ที่...แหลมพรมเทพ

  



แหลมพรพมเทพ
              เมื่อพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวของเกาะภูเก็ต สิ่งแรกที่ผู้คนต่างนึกถึงคงหนีไม่พ้นทะเล ทว่าแท้จริงแล้วเกาะภูเก็ตยังมีมนต์เสน่ห์อย่างอื่นอีกมากมายที่ทำให้ใคร หลายคนหลงใหล หนึ่งในนั้นคงหนีไม่พ้นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมขึ้นชื่อ อันเป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆ ในเมืองไทยอย่าง แหลมพรหมเทพ ซึ่งเป็นแหลมที่มีหน้าผาสูงอยู่ทางใต้สุดของเกาะภูเก็ต เดิมทีชาวบ้านเรียกแหลมนี้ว่า แหลมเจ้า ซึ่งมีทัศนียภาพอันสวยงามและมีมนต์เสน่ห์ในตัวเองชวนให้นักท่องเที่ยวหลงใหล แหลมพรหมเทพถูกจัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของภูเก็ตในใจของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน และแหลมแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากหาดราไวย์ เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น
                ทุกวันในช่วงบ่ายถึงเย็น มักคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวที่แวะเวียนมาสักการะบูชาอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ อันเป็นที่เคารพยกย่องของประชาชนชาวไทย เนื่องจากท่านมีพระเกียรติคุณต่อกองทัพเรือไทยมาโดยตลอด อีกทั้งนักท่องเที่ยวหลายคนเชื่อว่า หากมีโอกาสมาสักการะขอพรกับกรมหลวงชุมพรฯ จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นปลิดทิ้ง จึงทำให้ชาวบ้านเรียกอนุสาวรีย์ของท่านว่า อนุสาวรีย์หมอพร เมื่อได้แวะสักการะอนุสาวรีย์หมอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันแล้ว ณ แหลมพรหมเทพแห่งนี้ยังมีประภาคารกาญจนาภิเษกขนาด ใหญ่ตั้งตระหง่านดูมีสง่าความสูงราว 50 เมตร ซึ่งถูกสร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เพื่อประโยชน์ในการเดินเรือและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว โดยที่ด้านในมีการจัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงภารกิจต่างๆ ของกองทัพเรือไทยให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาแวะชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก รวมไปถึงการได้ซื้อของที่ระลึกจากกองทัพเรือไทยติดไม้ติดมือกลับไป อีกอย่างที่ถือเป็นไฮไลท์ของประภาคารแห่งนี้คือ เมื่อดวงตะวันลับขอบฟ้า แสงไฟจากประภาคารแห่งนี้จะส่องสว่างออกสู่ท้องทะเลไกลถึง 39 กิโลเมตรเลยทีเดียว นับว่าเป็นภาพที่สวยงามและน่าจดจำเป็นอย่างยิ่ง
                เดือนธันวาคมของทุกปี ที่แหลมพรเทพจะแน่นขนัดไปด้วยนัก ท่องเที่ยวทั้งชาวเอเชียและชาวตะวันตกนานาประเทศ เพราะช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาสุดแสนโรแมนติกสำหรับนักท่องเที่ยวและคู่ รัก เป็นช่วงที่แหลมพรหมเทพมีสีสันที่สุด บริเวณแหลมที่ยื่นออกสู่ทะเลจะมีความโดดเด่นราวกับถูกทาทับด้วยสีใหม่เพราะ สีของหญ้าจะกลายเป็นสีทอง ช่วงเวลาประมาณหกโมงเย็นของทุกวันในปลายปีแบบนี้ นักท่องเที่ยวทุกคนต่างเฝ้ารอการปรากฎของพระอาทิตย์สีแดงเข้มขนาดใหญ่ที่ถือ ว่าเป็นพระเอกของงาน รอเวลาที่มันค่อยๆ ลับขอบฟ้าผ่านทิวต้นตาลและหญ้าสีทองโดยมีท้องฟ้าสีครามขนาดใหญ่เป็นฉากหลัง นับเป็นช่วงเวลาแห่งมนต์สะกดก็ว่าได้ เพราะสายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่ดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ก่อนที่มันจะค่อยๆ ทอดตัวแตะขอบน้ำพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราวของผู้ชม ที่แสดงออกถึงความประทับใจก่อนที่พระอาทิตย์ดวงโตจะเลือน
                แหลมพรหมเทพสร้างความสุขและความประทับใจให้ผู้คนที่มา เยือนเกาะภูเก็ตเป็นเวลานานหลายปีมาแล้ว ไม่เพียงแค่วันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆฝน แต่หากวันใดท้องฟ้าอึมครึมเมฆฝนบดบัง แหลมพรหมเทพก็ยังคงสวยงามและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเหมือน เช่นเคยหากต่างกันเพียงอารมณ์เท่านั้นเอง ทำให้การมาชมพระอาทิตย์อัสดงของที่นี่ไม่ซ้ำและจำเจ สิ่งนี้เองนับว่าเป็นมนต์เสน่ห์ของอาทิตย์อัสดง ณ แหลมพรหมเทพ ที่ยากจะหาที่ใดๆมาเทียบเทียม

เครดิตภาพ : แหลมพรมเทพ
หาดไร่เลย์  แห่งแดนใต้ เป็นธรรมชาติที่สวยงามที่สุด

หาดไร่เลย์  หาดไร่เลย์
หาดไร่เลย์    
หาดไร่เลย์
         จังหวัดกระบี่ เป็นจังหวัดที่ได้รับการกล่าวขานเรื่องความสวยงามของสถานที่ และความซับซ้อนของหน้าผา ซึ่งเป็นผาธรรมชาติ และหากจะเอ่ยถึงแหล่งท่องเที่ยว "ปีนผา" ที่ขึ้นชื่อคงหนีไม่พ้น"ไร่เลย์" หรือ "หาดไร่เลย์" แต่จะสวยงามน่าท่องเที่ยวขนาดไหน อย่ารอช้าตามเราไปชมกันดีกว่า...
          หาดไร่เลย์ ตั้งอยู่ใน ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ เป็นหาดทรายสีขาวละเอียดริมโตรกผา ซึ่ง หาดไร่เลย์ เป็นที่รู้จักดีในหมู่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมปีนหน้าผา และ หาดไร่เลย์ แบ่งออกเป็น หาดไร่เลย์ตะวันออก (หาดน้ำเมา) และ หาดไร่เลย์ตะวันตก มีโขดหินคั่นระหว่างหาดทั้งสอง บริเวณหาดมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวหลายแห่ง เดินทางเข้าถึงได้โดยทางเรือจากอ่าวนางใช้เวลา 10 นาที
หากจะพูดถึง ไร่เลย์ หรือ หาดไร่เลย์ อาจกล่าวได้ว่ายังไม่เป็นที่รู้จักของคนไทยกันเท่าไหร่นัก หากแต่ในสายตาของชาวต่างประเทศแล้ว หาดไร่เลย์ เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาช้านาน มีรีสอร์ทสวยงามหลายระดับราคาอยู่มากมาย อาจเพราะความเงียบสงบ และแวดล้อมด้วยธรรมชาติที่สวยงาม
          หาดไร่เลย์ หลายคนอาจเข้าใจว่าเป็น "เกาะ" แต่จริง ๆ แล้ว หาดไร่เลย์ ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดิน แต่ที่ต้องเดินทางด้วยเรือ เพราะ หาดไร่เลย์ ถูกภูเขาล้อมรอบทุกด้าน ทำให้ผู้คนที่จะเดินทางมาเที่ยวหาดไร่เลย์ ต้องนั่งเรือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งนี่อาจเป็นอีกผลหนึ่งทำให้ชาวบ้านที่ หาดไร่เลย์ ยังไม่ถูกเทคโนโลยีหรือความเจริญกลืนกิน รวมถึงวิถีชีวิตของหมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ที่ปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย โดยที่ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี และการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว
การเดินทาง
          ต้องเดินทางโดยทางเรือเท่านั้น สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้า ในตัวเมืองกระบี่ หรือที่ท่าเรืออ่าวน้ำเมา ท่าเรือที่อ่าวนาง และท่าเรือที่หาดนพรัตน์ธารา ซึ่งการเดินทางใช้เวลาประมาณ 15 นาที ถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่ง แล้วแต่จุดที่ออกเรือ อย่างไรก็ตาม หากนั่งเรือหางยาวไป หาดไร่เลย์ ลงเรือที่อ่าวนางสะดวกที่สุด เพราะนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ลงเรือที่นี่ ทำให้ไม่ต้องรอนาน และใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีเท่านั้น



เครดิตภาพ : หาดไร่เลย์


       ช่วงฤดูหนาว น่าไปที่สุด สำหรับ...ภูกระดึง


   

  


แหล่งท่องเที่ยว ภูกระดึง
       การเดินขึ้นภูกระดึงไม่ลำบากมากนัก แต่ระยะทางจะไกลและชัน แต่ระหว่างทางจะมีจุดให้แวะพักเหนื่อยต่างๆ ตามลำดับ ได้แก่ ปางกกค่า ซำแฮก ซำบอน ซำกกกอก พร่านพรานแป ซำกกหว้า ซำกกโดน และซำแคร่ หากเดินขึ้นภูตั้งแต่เช้า อากาศจะค่อนข้างเย็นสบาย มีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมไปตลอดทาง โดยเฉพาะสภาพทางธรณีและสภาพป่าที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นระยะๆ จากป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา จนถึงหลังแป จากหลังแปถึงศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวางจะเป็นทางราบท่ามกลางทุ่งหญ้าป่าสนเขาอันกว้างใหญ่ รวมระยะทางจากทางขึ้นไปถึงหลังแปและศูนย์บริการนักท่องเที่ยววังกวาง ประมาณ 9 กิโลเมตร แหล่งท่องเที่ยวบนภูกระดึงส่วนใหญ่มีทางเดินชมธรรมชาติติดต่อถึงกันหมด ฉะนั้น ผู้ที่จะไปท่องเที่ยวบนภูกระดึงควรใช้เวลาอย่างน้อย 3 วัน เพื่อจะได้เที่ยวชมธรรมชาติที่สวยงามเหล่านั้นได้ทั่วถึง อุทยานแห่งชาติภูกระดึงเปิดให้ท่องเที่ยวบนยอดภูกระดึงเฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคม

            การเดินทางขึ้นไปชมความงามบนยอดภูกระดึง ทางอุทยานแห่งชาติอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินขึ้นได้ตั้งแต่เวลา 07.00 - 14.00 น. ของทุกวัน และหลังจากเวลา 14.00 น.เป็นต้นไปทางอุทยานแห่งชาติจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินทางขึ้นไปชมความงามบนยอดภูกระดึง เนื่องจากระยะทางในการเดินทางขึ้นเขาประมาณ 9 กิโลเมตร และมีความลาดชันในบางช่วง การเดินทางต้องใช้เวลาในการเดินเท้า ประมาณ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งจะตรงกับเวลาพลบค่ำในระหว่างทางเกิดความยากลำบากในการเดินทาง อีกทั้งอาจได้รับอันตรายจากสัตว์ป่าที่ออกหากินในเวลากลางคืน

       นอกจากความสวยงามทางธรรมชาติบนภูกระดึงแล้ว พื้นที่ด้านล่างบริเวณเชิงเขาด้านทิศใต้ของภูกระดึงบริเวณพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ลย.3 (นาน้อย) ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวตามลำน้ำพองซึ่งประกอบด้วย น้ำตก แก่งหิน พันธุ์พืชที่น่าศึกษาแล้ว เป็นสถานที่พักผ่อนอยู่มากมาย นอกจากนี้ยังคงมีร่องรอยประวัติศาสตร์ของขบวนการเสรีไทย ตลอดทั้งภาพเขียนสีปรากฏบนผนังหินที่มีอายุหลายพันปี ซึ่งสามารถเดินทางจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปตามทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2019 ย้อนกลับไปทางอำเภอภูกระดึงประมาณ 1.5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามเส้นทาง รพช. จากบ้านหนองอิเลิง ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ลย.3 (นาน้อย) จากนั้นเดินทางไปตามเส้นทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ระยะเวลาที่เหมาะสมในการท่องเที่ยวในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่

เครดิตภาพ : ภูกระดึง

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

น้ำตกสวย บรรยากาศดี.....น้ำตกเหวนรก

  




   
น้ำตกเหวนรก
              น้ำตกเหวนรก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสูงที่สุด อยู่ทางทิศใต้ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ฝั่งจังหวัดนครนายก มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นแรกสูงประมาณ 60 เมตร เมื่อน้ำไหลผ่านหน้าผาชั้นนี้จะพุ่งไหลลงสู่หน้าผาชั้นที่ 2 และ 3 ที่อยู่ถัดลงไปใกล้ ๆ กันในลักษณะการไหลตก 90 องศา รวมความสูงไม่ต่ำกว่า 150 เมตร เป็นสายน้ำที่ไหลทะลักไปสู่หุบเหวเบื้องล่าง ในฤดูฝนน้ำจะไหลแรงมาก              
เป็นน้ำตกที่เกิดจากคลองท่าด่าน น้ำตกเหวนรกเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นน้ำตกที่มีความสูงและสวยงามมากแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ แต่เดิมก่อนที่จะมีการตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่นั้น จะต้องเดินเท้าเข้ามาโดยใช้เวลาไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมง แต่หลังจากตัดถนนสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่เสร็จแล้ว ถนนตัดผ่านใกล้น้ำตกเหวนรกมาก โดยมีลานจอดรถห่างจากตัวน้ำตกเพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ระหว่างทางสามารถเดินชมธรรมชาติอันสวยงามสองข้างทางได้ เมื่อถึงตัวน้ำตกจะมีบันไดลงไปอีกราว 50 เมตร ซึ่งค่อนข้างแคบและชัน แต่เมื่อลงไปถึงจุดชมวิวก็จะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการของน้ำตกได้อย่างสวยงาม หากไปในฤดูฝนมีน้ำมาก ละอองน้ำจะกระเซ็นต้องกับแสงอาทิตย์เป็นสายรุ้งอย่างงดงาม แต่หากมาชมในหน้าแล้งนั้นอาจต้องผิดหวังเพราะไม่มีน้ำ เห็นแต่เพียงหน้าผาแห้งๆ เท่านั้น

    
ระหว่างทางเดินมายังน้ำตกเหวนรกนี้ จะสังเกตเห็นแนวคันปูนเป็นระยะ สร้างขึ้นเพื่อป้องกันช้างพลัดตกไปยังน้ำตก ตั้งแต่ในปี 2530 จะมีช้างตกลงไปยังผาข้างล่างปีละเชือกหรือสองเชือกเสมอ และในครั้งใหญ่ที่สุดปี 2535 มีช้างโขลงหนึ่งจำนวน 8 เชือกหลงเข้ามาและถูกกระแสน้ำพัดตกลงไปตายหมด ทางอุทยานแห่งชาติจึงได้สร้างแนวป้องกันนี้ขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตรายแก่ช้างป่ามิให้เกิดขึ้นอีก
ในความเป็นจริงแล้ว น้ำตกเหวนรกนั้นมีอยู่ 2 ชั้น ที่ได้ชมนี้เป็นชั้นที่ 1 โดยมีความสูงของตัวน้ำตกประมาณ 50 เมตร ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 นั้นอยู่ห่างออกไป ซึ่งชั้นที่สองนี้มีความสูงมากกว่าชั้นแรกเสียอีก ในความเป็นจริงแล้วมีเส้นทางสำรวจป่าของทางอุทยานเพื่อไปยังผาอีกด้านหนึ่งเพื่อชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่สองและสามแต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมโดยทั่วไปเนื่องจากเป็นทางเข้าไปในป่าดิบ มีสัตว์ป่าออกหากินตลอด หากต้องการเข้าชมควรติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานนำทางเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และหากต้องการชมทัศนียภาพของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 ให้สวยงามที่สุด ควรเดินทางมาชมในช่วงกันยายนหรือตุลาคม เนื่องจากจะมีน้ำมาก ตกลงมาเป็นละออง และหากมาชมในช่วงเวลา 10 นาฬิกา จะเป็นเวลาพอเหมาะที่แสงอาทิตย์ตกกระทบกับละอองน้ำตกเกิดเป็นสายรุ้ง โดยรวมความสูงของน้ำตกชั้นที่ 2 และ 3 นี้ประมาณ 150 เมตร



เครดิตภาพ : น้ำตกเหวนรก

บรรยากาศดี ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามที่.....กฤษฎาดอย


   

       


            กฤษดาดอย เชียงใหม่ บูทีครีสอร์ทแห่งแรกบนถนนหางดง-สะเมิงของเชียงใหม่ เมืองหลวงแห่งภาคเหนือ ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาที่งดงามประหนึ่งภาพวาดของเชียงใหม่ รีสอร์ทที่เลื่องชื่อด้านความงามของหมู่มวลพฤกษชาติที่รายล้อมด้วยความงดงามของพรรณไม้และอู่วัฒนธรรมจึงเป็นที่พักและที่ท่องเที่ยวสุดวิเศษอย่างเลี่ยงไม่ได้ เชียงใหม่ อู่อารยธรรมโบราณและบ้านของช่างฝีมือไทยล้านนา เมืองที่ลือชื่อในความมั่งคั่งของวัฒนธรรมและศิลปะประเพณีอันวิจิตร ความเชี่ยวชาญทางศิลปะเหล่านี้ ล้วนสะท้อนออกมาจากดีไซน์ สถาปัตยกรรม เครื่องตกแต่งภายในที่เรียบหรู และบรรยากาศที่กรุ่นอวลภายในรีสอร์ท ปัจจุบันกฤษดาดอย รีสอร์ทให้บริการห้องพักขนาดกว้างขวาง 20 ห้อง และห้อง suite ที่ตกแต่งปรับปรุงใหม่เป็นกระท่อมพักสไตล์คันทรีหลากหลายขนาด 5 หลัง

         กฤษดาดอย รีสอร์ท เชียงใหม่ ตั้งอยู่ห่างจากเชียงใหม่ไนต์ซาฟารีและวัดต้นเกว๋นด้วยการเดินทางโดยรถยนต์ 15 นาที ประกอบด้วยห้องพักปรับอากาศมีอินเทอร์เน็ตไร้สาย (Wi-Fi) ฟรี รีสอร์ทแห่งนี้มีสระว่ายน้ำ โต๊ะบริการทัวร์และมีบริการจักรยานเช่า ฟรี
รีสอร์ทแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติเชียงใหม่และสวนสตรอเบอร์รี่สะเมิงด้วยการเดินทางโดยรถยนต์ 30 นาที
ห้องพักแต่ละห้องประกอบด้วยโทรทัศน์จอแบนระบบช่องสัญญาณเคเบิลและมีมินิบาร์ ห้องน้ำในตัวมีฝักบัว ห้องพักบางห้องประกอบด้วยระเบียงและมีตู้นิรภัย
ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายกับการรับบริการทรีทเมนต์นวด นอกจากนี้ ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น บริการรับฝากสัมภาระ บริการซักรีดและมีบริการรถรับ-ส่ง และมีที่จอดรถสาธารณะ ฟรี ในพื้นที่ของรีสอร์ท
ห้องอาหารเฟื้องฟ้ามีบริการอาหารไทย
  
         อุทยานในฝัน สวรรค์บนดอย  บ้านพักตากอากาศสไตล์ชนบทในฝันแห่งนี้สูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตร งดงามเป็นที่เรื่องลือด้วยสวนพฤกษชาติและบุปผชาติงามสะพรั่งบนเนื้อที่กว่า 20 เอเคอร์ ท่ามกลางภูมิประเทศชวนฝันกลางหุบเขาต่ำจากดอยสองยอดของดอยสุเทพในเชียงใหม่ ท่ามกลางภูมิประเทศอันงามดุจแดนในฝัน ทิวเขาสลับซับซ้อน ป่าเขียวชอุ่ม อุทยานพฤกษชาติและบุปผชาติและมีแมกไม้มวลมาลีอวดโฉมชูช่อกลางธรรมชาติตระการตา ธารน้ำไหลรินเสริมบรรยากาศและส่งให้ทัศนียภาพรอบบ้านพักตากอากาศแห่งนี้งามจับตาชวนหลงไหลยิ่งขึ้น ธารน้ำตกโยนตัวลงเหนือชะง่อนผาพร่างพรูสู่กระแสธารเบื้องล่างกลายเป็นแควท่าช้างที่ไหลผ่านรีสอร์ต ตลอดชั่วนาตาปี ภาพน้ำพุธรรมชาตพร่างพรายท่ามกลางสายลมเย็นชื่น
         ทิวเขางดงามตามธรรมชาติของเชียงใหม่ที่กฤษฎาดอย รวมทั้งอุทยานที่เสกสรรค์อย่างประณีตบรรจงสรรค์สร้างให้รีสอร์ตแห่งนี้กลายเป็นสวรรค์บนดินของคนรักธรรมชาติ

เครดิตภาพ : กฤษฎาดอย


แอ่วเมืองเหนือ บรรยากาศดีที่......ดอยปุย

  
  

ดอยปุย
ดอยปุย เป็นส่วนหนึ่งของ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 24 ของประเทศ มีลักษณะของพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในแนวเทือกเขาถนนธงไชย นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของตัวเมืองเชียงใหม่ และพื้นที่บางส่วนของอำเภอรอบ ๆ สภาพภูมิอากาศส่วนใหญ่จะหนาวเย็นและชุ่มชื้น เนื่องจากได้รับไอน้ำจากเมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่เกือบตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำสุดในพื้นที่อยู่ระหว่าง 10-12 องศาเซลเซียส 

หมู่บ้านชาวเขาเผ่าม้ง (แม้ว) ดอยปุย 
          บริเวณหมู่บ้านจำหน่ายของที่ระลึกจำนวนมากซึ่งมีทั้งที่ผลิตภายในหมู่บ้าน และนำมาจากที่อื่นวางขายให้แก่นักท่องเที่ยว มีพิพิธภัณฑ์ม้ง สวนดอกไม้ซึ่งมีบริการถ่ายรูปแต่งชุดชาวเขา บริเวณรอบ ๆ หมู่บ้านมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถมองเห็นดอยอินทนนท์ได้ นักท่องเที่ยวสามารถไปเยี่ยมชมได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง โดยใช้เวลาในการเดินทางจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนการเดินทาง หมู่บ้านนี้ตั้งอยู่บนดอยปุย ห่างจากพระตำหนักฯ 3 กิโลเมตร เป็นทางลาดยางตลอด สามารถเข้าไปเที่ยวด้วยตนเองได้ หรือจะเช่ารถสองแถวจากดอยสุเทพขึ้นไปได้ทุกฤดูกาล ประมาณคันละ 600-900 บาท 


การเดินทาง
 
          รถยนต์
 

          จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) แล้วแยกเข้าทางหลวงหมายเลข 32 ( สายเอเซีย ) ผ่าน อยุธยา อ่างทอง นครสวรรค์ แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่าน จังหวัดลำปาง แยกซ้ายผ่านจังหวัดลำพูน ถึงตัวเมืองเชียงใหม่ รวมระยะทาง 696 กิโลเมตร

          รถโดยสารประจำทาง
     
          มีรถประจำทางของบริษัทขนส่งจำกัดทั้งรถธรรมดาและปรับอากาศและปรับอากาศชั้น หนึ่งบริการระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ทุกวัน รายละเอียดสอบถามได้ที่ : โทร. 0 2537 8055 - 6 (รถธรรมดา) และที่เชียงใหม่ โทร. 0 5324 1449, 0 5330 4748 นอกจากนี้ยังมีรถปรับอากาศชั้น 1 ของบริษัทรถร่วมเอกชนระหว่าง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่วันละหลายเที่ยว

          รถไฟ

          รถไฟจากหัวลำโพงมาเชียงใหม่ มีวันละ 7 เที่ยว ตั้งแต่เวลา 06:20 – 22:00 น. โดยรถสปินเตอร์, รถเร็ว และรถด่วนพิเศษ เมื่อเดินทางมาถึงสถานีรถไฟ เชียงใหม่ สามารถเรียกบริการรถยนต์โดยสารที่จอดอยู่ประจำสถานีรถไฟเชียงใหม่ มาส่งที่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่
 
           # สถานีรถไฟหัวลำโพง โทร. 0-2223-7010 หรือ 0-2220-4334
          # สถานีรถไฟเชียงใหม่ โทร. 0-5324-4795, 0-5324-2094, 0-5324-7462 หรือ 0-5324-5363-4

          เครื่องบิน

          สายการบินที่เปิดให้บริการจากกรุงเทพฯ มาเชียงใหม่ ได้แก่ สายการบินบางกอกแอร์เวย์ และสายการบินไทย จากสนามบินเชียงใหม่ สามารถจ้างเหมารถยนต์โดยสารรับจ้างมาเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้ ในอัตราที่แล้วแต่จะได้ตกลงกันไว้

เครดิตภาพ: ดอยปุย

สวยงามมาก น่าไปเลยทีเดียว...ทุ่งดอกกระเจียว

  


ทุ่งดอกกระเจียว (ทิวลิปสยาม)สถานที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม, อำเภอเทพสถิต, จังหวัดชัยภูมิทิวลิปสยาม หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ดอกกระเจียว" ในภาษาไทย เป็นดอกไม้ตามฤดูกาลที่จะบานเต็มที่ในช่วงต้นฤดูฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม พื้นที่มากกว่า 1,000 เอเคอร์ของลานหินงาม ไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน จะถูกปกคลุมไปด้วยดอกไม้สีชมพูอมม่วงที่สวยงาม นอกจากหมู่มวลปุปผชาติที่บานสะพรั่ง ในบริเวณเดียวกัน ผู้เยี่ยมชมยังจะได้เห็นหินก้อนน้อยใหญ่ รูปร่างแปลกๆ มากมาย เรียงรายทั่วพื้นที่ของ "ลานหินงาม" หรือ "ป่าหินงาม" ที่มีอาณาบริเวณมากกว่า 10 ไร่ หินรูปร่างแปลกตาเหล่านี้ เกิดจากการกัดเซาะของเนื้อดินและหิน โดยแสงอาทิตย์ ลม และฝนเป็นเวลานานหลายพันปี นอกจากนี้ที่นี่ยังมีหน้าผาที่มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 846 เมตร ที่สามารถมองเห็นวิวมุมกว้างของหุบเขาและแม่น้ำหลายสายที่งดงาม 

การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 205 จากนครราชสีมา ขึ้นไปทางทิศเหนือ ผ่านอำเภอโนนไทย บ้านหนองบัวโคก บ้านคำปิง และอำเภอเทพสถิต จนมาถึงสี่แยกและให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2354 และขับต่อไปอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จากนั้นให้เลี้ยวซ้าย แล้วขับตามทางต่อไปอีก 13 กิโลเมตร ที่ทำการของอุทยานแห่งชาติป่าหินงามจะตั้งอยู่ทางด้านซ้ายมือ


                  "ทุ่งดอกกระเจียว"  เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์  ที่พร้อมใจกันขึ้นรายรอบบริเวณ ของอุทยานฯและจะมีอยู่บริเวณหนึ่งใช้พื้นที่หลายไร่     ที่จะมีดอกกระเจียวขึ้นอย่างหนาแน่นจนกลายเป็นทุ่ง    ซึ่ง เวลามองดูก็จะเห็นเป็นสีชมพูปนขาว   และมีสีเขียวของลำต้ันและก้านใบเป็นสีเขียวสด   ประกอบกับสีเขียว ของหญ้าทีขึ้นมาแซม ทำให้ทุ่งกระเจียว เขียวขจี สวยงามเหมือนกับทุ่งในทรวงสวรรค์เลย              โดยในช่วงฤดูฝน เริ่มต้นเดือนมิถุนายน     ถึง ปลายเดือนกรกฎาคม ของทุก ๆ ปี    ต้นกระเจียวจะออก ดอกสวยงามตระการตาไปทั่วผืนป่า  จัดได้ว่าเป็น   "นางเอกของอุทยานฯ"  ก็ว่าได้ ทั้งนี้เพราะดอกกระเจียว จะไม่มีให้เห็นเลยนอกเสียจากในช่วงเวลาที่ว่านี่เท่านั้น...



เครดิตภาพ : ทุ่งดอกกระเจียว